ผู้เสียหาย

ส่วนที่ 1 : ผู้เสียหาย

นิยามคำว่า “ผู้เสียหาย” คือใคร

ผู้เสียหาย หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับความเดือดร้อน เสียหาย หรือถูกละเมิดสิทธิจากการกระทำของผู้อื่น ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเป็นทางทรัพย์สิน ร่างกาย เสรีภาพ หรือสิทธิทางกฎหมาย

ส่วนที่ 2 : สิทธิของผู้เสียหาย

สิทธิของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

ส่วนที่ 3 : ขั้นตอนการใช้สิทธิของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

จุดเริ่มต้นของการใช้สิทธิตามกฎหมาย

ส่วนที่ 4 : การคุ้มครองผู้เสียหายและสิทธิในการได้รับการเยียวยา

การเป็น “ผู้เสียหาย” ไม่ได้หมายความว่าต้องต่อสู้เพียงลำพัง

ส่วนที่ 5 : “สิทธิของผู้เสียหายในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม”

“กระบวนการยุติธรรม” ไม่ได้มีไว้เฉพาะสำหรับผู้ต้องหา แต่ยังเป็นสิทธิของ ผู้เสียหาย ทุกคน

ส่วนที่ 6 : ช่องทางร้องเรียนและขอความช่วยเหลือของผู้เสียหาย

คุณมีสิทธิร้องเรียนและขอความช่วยเหลือได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ผู้เสียหายคือใคร

🧾 ส่วนที่ 1 : นิยามคำว่า “ผู้เสียหาย” คือใคร?

ผู้เสียหาย หมายถึง บุคคลซึ่งได้รับความเดือดร้อน เสียหาย หรือถูกละเมิดสิทธิจากการกระทำของผู้อื่น ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเป็นทางทรัพย์สิน ร่างกาย เสรีภาพ หรือสิทธิทางกฎหมาย
ตามกฎหมายไทย “ผู้เสียหาย” สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

1️⃣ ผู้เสียหายทางแพ่ง

นิยาม:
คือบุคคลที่ถูกผู้อื่นกระทำละเมิดต่อสิทธิส่วนตัว เช่น สิทธิในทรัพย์สิน สัญญา หรือสิทธิในทางบุคคล ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ตัวอย่าง:

  • ถูกโกงเงินจากการทำสัญญา / ซื้อขาย / กู้ยืม

  • ผู้รับเหมาไม่ทำงานตามสัญญา ทำให้เกิดความเสียหาย

  • บริษัทละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของผลงาน

  • บุคคลโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย

  • นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม (กรณีนี้อาจเข้าทั้งแพ่งและแรงงาน)

สิทธิของผู้เสียหายทางแพ่ง:

  • ฟ้องร้องเรียก ค่าเสียหาย จากผู้กระทำละเมิด

  • ฟ้องร้องให้ คืนทรัพย์สินหรือชดใช้ราคาเทียบเท่า

  • ขอให้ศาล บังคับตามสัญญา หรือ บอกเลิกสัญญา

📘 อ้างอิง: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และต่อเนื่อง

2️⃣ ผู้เสียหายทางอาญา

นิยาม:
คือบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำอันเป็นความผิดทางอาญา เช่น ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกฉ้อโกง ถูกข่มขืน หรือถูกลักทรัพย์
ผู้เสียหายประเภทนี้มีสิทธิแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิด และเข้าร่วมเป็น “โจทก์ร่วม” กับพนักงานอัยการได้

ตัวอย่าง:

  • ถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกทำให้บาดเจ็บ

  • ถูกหลอกให้โอนเงินหรือทรัพย์สิน (คดีฉ้อโกง)

  • ถูกลักทรัพย์ / ปล้นทรัพย์

  • ถูกข่มขืน หรือกระทำอนาจาร

  • ถูกหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

  • ถูกยักยอกทรัพย์ / ทุจริตในองค์กร

สิทธิของผู้เสียหายทางอาญา:

  • แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน

  • ยื่นฟ้องคดีอาญาเอง (ในบางกรณี)

  • ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ

  • ขอคุ้มครองพยาน หรือขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครอง

  • ขอรับเงินชดเชยจากรัฐ (ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พ.ศ. 2544)

📕 อ้างอิง: ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4), มาตรา 30 และ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พ.ศ. 2544

3️⃣ ผู้เสียหายทางปกครอง

นิยาม:
คือบุคคลที่ได้รับความเสียหายจาก การกระทำหรือคำสั่งทางปกครอง ของเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานราชการ หรือองค์กรของรัฐ ซึ่งอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเกินขอบเขตอำนาจ

ตัวอย่าง:

  • หน่วยงานของรัฐเพิกถอนสิทธิหรือใบอนุญาตโดยไม่ชอบ

  • การเวนคืนที่ดินโดยไม่จ่ายค่าชดเชยที่เป็นธรรม

  • เจ้าหน้าที่รัฐออกคำสั่งลงโทษทางวินัยโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน

  • หน่วยงานรัฐละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด

สิทธิของผู้เสียหายทางปกครอง:

  • ยื่น คำฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง

  • ขอให้ศาลสั่งให้หน่วยงานรัฐดำเนินการตามหน้าที่

  • ฟ้องเรียก ค่าเสียหายจากหน่วยงานของรัฐ ได้

📗 อ้างอิง: พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9 และมาตรา 72

📌 สรุปเปรียบเทียบผู้เสียหายทั้ง 3 ประเภท

ประเภทผู้เสียหาย ลักษณะความเสียหาย หน่วยงาน/ศาลที่รับผิดชอบ สิทธิในการดำเนินคดี แพ่ง ความเสียหายจากการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล / สัญญา ศาลแพ่ง / ศาลจังหวัด ฟ้องเรียกค่าเสียหาย / บังคับตามสัญญา อาญา ถูกกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ตำรวจ / อัยการ / ศาลอาญา แจ้งความ / ฟ้องเอง / เป็นโจทก์ร่วม ปกครอง ความเสียหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ศาลปกครอง ฟ้องเพิกถอนคำสั่ง / ขอค่าเสียหายจากรัฐ

🧩 บทสรุป

“ผู้เสียหาย” ไม่จำกัดเฉพาะผู้ถูกทำร้ายหรือถูกโกง แต่หมายถึงทุกคนที่สิทธิของตนถูกละเมิดตามกฎหมาย
การรู้จักประเภทของความเสียหาย จะช่วยให้ผู้เสียหายเลือกช่องทางดำเนินคดีได้ถูกต้องและได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง

คำแนะนำจากนิติ ผู้ช่วยทนายภูวงษ์:
หากไม่แน่ใจว่าความเสียหายของคุณเข้าข่ายทางแพ่ง อาญา หรือปกครอง สามารถแจ้งเรื่องผ่านเว็บไซต์ ผู้เสียหาย.com เพื่อให้ทีมทนายตรวจสอบเบื้องต้นได้ฟรีภายใน 24 ชั่วโมงครับ

📞 คอลเซ็นเตอร์ 099-464-4445
📞 ทนายใกล้ศาล 089-227-1177
📞 ทนายใกล้คุณ 089-226-8899
📞 ทนายสายตรง 081-803-4097
💬 Line: @lawyerintown
✉️ contact@thailandlawyer.info

สิทธิของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

⚖️ส่วนที่ 2 : สิทธิของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

ผู้เสียหายไม่เพียงแต่มีสิทธิ “ร้องเรียน” หรือ “แจ้งความ” เท่านั้น แต่ยังมีสิทธิทางกฎหมายที่สามารถใช้เพื่อ เรียกร้องความเป็นธรรม, ขอรับการเยียวยา, และ ป้องกันการถูกละเมิดซ้ำ ได้ตามประเภทของความเสียหาย

1️⃣ สิทธิของผู้เสียหายทางแพ่ง

📘 อ้างอิงจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420–437 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

🔹 สิทธิสำคัญ

  1. สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย (Damage Claim)
    ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกให้ผู้กระทำละเมิดชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งทรัพย์สิน เสียชื่อเสียง หรือเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ

    • ตัวอย่าง: ถูกโกงเงิน / ถูกทำลายทรัพย์สิน / ถูกหมิ่นประมาท

  2. สิทธิเรียกคืนทรัพย์สิน (Restitution)
    หากผู้อื่นได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายไปโดยไม่ชอบ (เช่น โอนผิดบัญชี หรือถูกยักยอก) ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องขอคืนได้

  3. สิทธิขอให้ศาลบังคับตามสัญญา (Specific Performance)
    ในกรณีคู่สัญญาไม่ทำตามข้อตกลง เช่น ผู้รับเหมาไม่ก่อสร้างตามแบบ ผู้ซื้อไม่ชำระเงิน

  4. สิทธิบอกเลิกสัญญา (Rescission)
    หากคู่สัญญาอีกฝ่ายผิดสัญญาอย่างมีนัยสำคัญ ผู้เสียหายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกคืนทรัพย์สินได้

  5. สิทธิเรียกดอกเบี้ยหรือค่าปรับ (Interest & Penalty)
    ในกรณีผิดนัดชำระหนี้ ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราตามกฎหมาย

📌 ตัวอย่างคดีจริง

  • ผู้รับเหมารับเงินล่วงหน้าแล้วไม่สร้างบ้าน → ฟ้องเรียกคืนเงิน + ดอกเบี้ย

  • บริษัทขายรถไม่ส่งมอบตามกำหนด → ฟ้องบังคับตามสัญญา

  • โพสต์หมิ่นประมาทในโซเชียล → ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางชื่อเสียง

2️⃣ สิทธิของผู้เสียหายทางอาญา

📕 อ้างอิงจาก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4), 30, 33 และ พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พ.ศ. 2544

🔹 สิทธิสำคัญ

  1. สิทธิร้องทุกข์ (Right to File a Complaint)
    ผู้เสียหายมีสิทธิแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเมื่อถูกกระทำความผิดทางอาญา

  2. สิทธิดำเนินคดีเอง (Private Prosecution)
    หากอัยการไม่ฟ้อง หรือคดีเป็นความผิดอันยอมความได้ เช่น หมิ่นประมาท ฉ้อโกง ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องเองต่อศาลได้

  3. สิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ (Joint Plaintiff)
    เพื่อให้มีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณา เช่น สืบพยาน ซักถาม และอุทธรณ์คำพิพากษา

  4. สิทธิได้รับการคุ้มครองพยาน (Witness Protection)
    หากผู้เสียหายอยู่ในความเสี่ยงจากผู้กระทำผิด สามารถร้องขอให้รัฐคุ้มครองได้ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน

  5. สิทธิขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ (Compensation from the State)
    สำหรับผู้เสียหายจากคดีอาญาที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้กระทำผิด เช่น

    • ค่ารักษาพยาบาล

    • ค่าขาดประโยชน์จากการทำงาน

    • ค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ (กรณีถึงแก่ความตาย)

  6. สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษา
    ในบางกรณี ผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ร่วมสามารถอุทธรณ์หรือฎีกาได้ หากได้รับความเสียหายจากคำพิพากษานั้น

📌 ตัวอย่างคดีจริง

  • ถูกฉ้อโกงจากการลงทุนออนไลน์ → แจ้งความและเข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วม

  • ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ → ยื่นขอค่าชดเชยจากกองทุนผู้เสียหาย

  • ถูกหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา → ฟ้องเองเป็นคดีอาญา

3️⃣ สิทธิของผู้เสียหายทางปกครอง

📗 อ้างอิงจาก พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9, 42, 72

🔹 สิทธิสำคัญ

  1. สิทธิฟ้องเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง (Annulment)
    หากคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น ออกคำสั่งโดยไม่มีอำนาจ หรือไม่แจ้งเหตุผล

  2. สิทธิขอให้ศาลปกครองสั่งให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติตามหน้าที่ (Mandamus)
    เช่น กรณีหน่วยงานละเลยไม่อนุมัติสิทธิ หรือไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด

  3. สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐ (State Liability)
    หากหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่กระทำโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดความเสียหาย

  4. สิทธิป้องกันการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ (Judicial Review)
    ผู้เสียหายสามารถยื่นขอให้ศาลปกครองตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน

  5. สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น
    สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดภายในกำหนดเวลา 30 วัน

📌 ตัวอย่างคดีจริง

  • ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจโดยไม่มีเหตุผล → ฟ้องเพิกถอนคำสั่ง

  • ถูกเวนคืนที่ดินโดยไม่ได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรม → ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐ

  • เจ้าหน้าที่ไม่ออกหนังสือรับรองสิทธิภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด → ยื่นฟ้องละเลยต่อหน้าที่

🧩 สรุปเปรียบเทียบ “สิทธิ” ของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

ประเภทผู้เสียหาย สิทธิหลัก หน่วยงานดำเนินการ ตัวอย่างสิทธิเด่น แพ่ง ฟ้องเรียกค่าเสียหาย / บังคับสัญญา ศาลแพ่ง เรียกคืนเงิน / ดอกเบี้ย / ชื่อเสียง อาญา แจ้งความ / ฟ้องเอง / เป็นโจทก์ร่วม / ขอค่าชดเชย ตำรวจ, อัยการ, ศาลอาญา ขอชดเชยจากรัฐ / คุ้มครองพยาน ปกครอง ฟ้องเพิกถอนคำสั่ง / ขอให้รัฐปฏิบัติหน้าที่ / เรียกค่าเสียหาย ศาลปกครอง ฟ้องรัฐ / ตรวจสอบอำนาจรัฐ

🧭 บทสรุปจากนิติ

สิทธิของผู้เสียหายคือ “เครื่องมือทางกฎหมาย” ที่รัฐมอบให้เพื่อให้ประชาชนสามารถปกป้องตนเองจากการถูกละเมิดสิทธิ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เสียหายทางแพ่ง อาญา หรือปกครอง — การรู้สิทธิของตนคือก้าวแรกของการทวงคืนความยุติธรรม

คำแนะนำจากนิติ ผู้ช่วยทนายภูวงษ์:
ผู้เสียหายควรเก็บพยานหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารการโอนเงิน สัญญา แชต บันทึกเสียง หรือคำสั่งทางราชการ เพื่อใช้ประกอบสิทธิในศาลได้อย่างมีน้ำหนัก
หากไม่มั่นใจว่าสิทธิของท่านอยู่ในขอบเขตกฎหมายใด สามารถแจ้งเรื่องเพื่อให้ทีมทนายตรวจสอบและให้คำปรึกษาฟรีได้ครับ

📞 คอลเซ็นเตอร์ 099-464-4445
📞 ทนายใกล้ศาล 089-227-1177
📞 ทนายใกล้คุณ 089-226-8899
📞 ทนายสายตรง 081-803-4097
💬 Line: @lawyerintown
✉️ contact@thailandlawyer.info

ขั้นตอนการใช้สิทธิของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

⚖️ ส่วนที่ 3 : ขั้นตอนการใช้สิทธิของผู้เสียหายในแต่ละประเภท

การเป็น “ผู้เสียหาย” ไม่ใช่จุดจบของความเดือดร้อน แต่เป็น จุดเริ่มต้นของการใช้สิทธิตามกฎหมาย
ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีปกครอง — ทุกคนมีช่องทางในการดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

1️⃣ ขั้นตอนการใช้สิทธิของผู้เสียหายทางแพ่ง

📘 อ้างอิงจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

🔹 ขั้นตอนดำเนินการ

ขั้นที่ 1 : รวบรวมพยานหลักฐาน

  • สัญญา / เอกสารการชำระเงิน / แชตสนทนา / ใบเสร็จ

  • หลักฐานการละเมิด (เช่น รูปถ่ายทรัพย์สินเสียหาย หรือโพสต์หมิ่นประมาท)

ขั้นที่ 2 : เจรจา หรือส่งหนังสือบอกกล่าวทวงถาม

  • ส่งหนังสือทวงถาม หรือบอกเลิกสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร (หากต้องการหลักฐานก่อนฟ้อง)

ขั้นที่ 3 : ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง / ศาลจังหวัด

  • ยื่นคำฟ้องพร้อมหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจ

  • ชำระค่าธรรมเนียมศาลตามทุนทรัพย์

  • ศาลนัดไกล่เกลี่ยก่อนพิจารณา

ขั้นที่ 4 : การพิจารณาคดีและพิพากษา

  • คู่ความสืบพยาน / แสดงหลักฐาน / ศาลมีคำพิพากษา

ขั้นที่ 5 : บังคับคดี (กรณีคู่กรณีไม่ชำระหนี้)

  • ยื่นคำร้องขอบังคับคดีต่อกรมบังคับคดี เช่น อายัดบัญชี / ยึดทรัพย์ / ขายทอดตลาด

🧩 เอกสารที่ควรเตรียม

  • สัญญา / หนังสือทวงถาม

  • ใบเสร็จ / สลิปโอนเงิน / เอกสารชำระหนี้

  • สำเนาบัตรประชาชน

  • เอกสารพยานบุคคล (ถ้ามี)

2️⃣ ขั้นตอนการใช้สิทธิของผู้เสียหายทางอาญา

📕 อ้างอิงจาก ประมวลกฎหมายอาญา และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

🔹 ขั้นตอนดำเนินการ

ขั้นที่ 1 : แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

  • แจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ / ที่พักอาศัยของผู้เสียหาย

  • ขอรับ “ใบรับแจ้งความ (ปจว.)” เพื่อเป็นหลักฐาน

ขั้นที่ 2 : พนักงานสอบสวนสอบสวนและรวบรวมหลักฐาน

  • ผู้เสียหายมีสิทธิให้ปากคำ / ยื่นหลักฐาน / ขอคัดสำเนาสำนวน

  • หากเป็นคดีอันยอมความได้ สามารถตกลงยอมความได้ระหว่างสอบสวน

ขั้นที่ 3 : ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง

  • หากอัยการ “ไม่ฟ้อง” ผู้เสียหายมีสิทธิ ฟ้องเอง ภายในกำหนดเวลา

ขั้นที่ 4 : เข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ (ถ้ามีการฟ้อง)

  • ยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมในคดี

  • สามารถเข้าฟังการสืบพยาน และยื่นคำแถลงต่อศาลได้

ขั้นที่ 5 : ขอรับค่าชดเชยจากรัฐ

  • ยื่นคำขอตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เกิดเหตุ

🧩 เอกสารที่ควรเตรียม

  • ใบรับแจ้งความ (ปจว.)

  • บัตรประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน

  • หลักฐานการบาดเจ็บ / ใบรับรองแพทย์

  • หลักฐานความเสียหาย (ใบเสร็จ / สลิปโอน)

  • สำเนาคำพิพากษา (กรณีขอชดเชยหลังคดีเสร็จ)

3️⃣ ขั้นตอนการใช้สิทธิของผู้เสียหายทางปกครอง

📗 อ้างอิงจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

🔹 ขั้นตอนดำเนินการ

ขั้นที่ 1 : ยื่นอุทธรณ์หรือร้องเรียนต่อหน่วยงานต้นสังกัด

  • ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง

  • เพื่อให้หน่วยงานมีโอกาสแก้ไขก่อนเข้าสู่ศาล

ขั้นที่ 2 : หากไม่พอใจคำตอบ — ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง

  • ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งอุทธรณ์

  • ยื่นคำฟ้องพร้อมหลักฐาน เช่น คำสั่งทางปกครอง / หนังสือร้องเรียน / หลักฐานความเสียหาย

ขั้นที่ 3 : ศาลพิจารณาคดีปกครอง

  • ศาลพิจารณาคำฟ้องและเรียกหน่วยงานมาตอบคำให้การ

  • ศาลอาจมีคำสั่ง “เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง” หรือ “ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย”

ขั้นที่ 4 : อุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลปกครองสูงสุด

  • ภายใน 30 วันนับแต่วันอ่านคำพิพากษา

🧩 เอกสารที่ควรเตรียม

  • คำสั่งทางปกครอง / หนังสือตอบกลับจากหน่วยงาน

  • หนังสือร้องเรียน / หลักฐานความเสียหาย

  • สำเนาบัตรประชาชน / ทะเบียนบ้าน

  • เอกสารแสดงสิทธิที่ถูกละเมิด (เช่น โฉนด / ใบอนุญาต)

📌 คำแนะนำทั่วไปจาก “นิติ”

ก่อนใช้สิทธิทางกฎหมาย ควรปรึกษาทนายความเพื่อประเมินพยานหลักฐาน และพิจารณาช่องทางที่เหมาะสมที่สุด
เพราะคดีบางประเภทสามารถดำเนินการได้หลายทางพร้อมกัน เช่น คดีฉ้อโกงอาจเข้าข่ายทั้ง “แพ่ง” และ “อาญา”

คำแนะนำจากนิติ ผู้ช่วยทนายภูวงษ์:
นิติแนะนำให้ผู้เสียหายทุกคนจดบันทึกเหตุการณ์อย่างละเอียด และเก็บเอกสารทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ เช่น ข้อความสนทนา, สลิปโอนเงิน, ภาพถ่าย หรือคำสั่งจากหน่วยงานรัฐ
สิ่งเหล่านี้คือ “พยานหลักฐานทองคำ” ที่จะช่วยให้ท่านได้รับความยุติธรรมเร็วขึ้น

📞 คอลเซ็นเตอร์ 099-464-4445
📞 ทนายใกล้ศาล 089-227-1177
📞 ทนายใกล้คุณ 089-226-8899
📞 ทนายสายตรง 081-803-4097
💬 Line: @lawyerintown
✉️ contact@thailandlawyer.info

การคุ้มครองผู้เสียหายและสิทธิในการได้รับการเยียวยา

🛡️ ส่วนที่ 4 : การคุ้มครองผู้เสียหายและสิทธิในการได้รับการเยียวยา

การเป็น “ผู้เสียหาย” ไม่ได้หมายความว่าต้องต่อสู้เพียงลำพัง
กฎหมายไทยให้ สิทธิในการคุ้มครองและการเยียวยา แก่ผู้เสียหายทุกคน ทั้งในมิติของร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นคดี อาญา แพ่ง หรือปกครอง ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเหมาะสม

1️⃣ การคุ้มครองผู้เสียหายในคดีอาญา

📕 อ้างอิงจาก พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พ.ศ. 2544, พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน พ.ศ. 2546, และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

🔹 สิทธิในการคุ้มครอง

  1. สิทธิได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย (Witness Protection)

    • หากผู้เสียหายหรือพยานอยู่ในอันตรายจากผู้กระทำผิด สามารถร้องขอให้รัฐจัดมาตรการคุ้มครอง เช่น
      🔸 เปลี่ยนที่พักอาศัย
      🔸 ปกปิดข้อมูลส่วนตัว
      🔸 จัดเจ้าหน้าที่คุ้มกัน
      🔸 จัดที่อยู่ชั่วคราวที่ปลอดภัย

    • หน่วยงานรับผิดชอบ: สำนักงานคุ้มครองพยาน กระทรวงยุติธรรม

  2. สิทธิในการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล

    • ผู้เสียหายมีสิทธิไม่เปิดเผยชื่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    • ศาลสามารถสั่งพิจารณาคดีโดยปิดลับ เพื่อคุ้มครองผู้เสียหายได้ในบางกรณี เช่น คดีทางเพศ

  3. สิทธิได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและไม่เลือกปฏิบัติ

    • พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่รัฐต้องให้เกียรติและไม่ซักถามในลักษณะที่ทำให้ผู้เสียหายอับอาย

🔹 สิทธิในการได้รับการเยียวยา (Compensation)

ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา พ.ศ. 2544
ผู้เสียหายมีสิทธิยื่นคำขอรับค่าตอบแทนจากรัฐ ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เกิดเหตุ หรือวันที่ทราบผลคดี

✅ ประเภทของค่าตอบแทน

ประเภทความเสียหาย สิทธิได้รับการชดเชย บาดเจ็บทางร่างกาย ค่ารักษาพยาบาล + ค่าขาดประโยชน์จากการทำงาน ทุพพลภาพหรือพิการ ค่าชดเชยพิเศษตามระดับความเสียหาย เสียชีวิต ค่าใช้จ่ายจัดการศพ + เงินชดเชยแก่ทายาท ความเสียหายทางจิตใจ ค่าปลอบขวัญ (ตามดุลพินิจของคณะกรรมการ)

🧩 ขั้นตอนการขอรับค่าตอบแทน

  1. ยื่นคำขอต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัด หรือกระทรวงยุติธรรม

  2. แนบเอกสารประกอบ เช่น ใบแจ้งความ, ใบรับรองแพทย์, บัตรประชาชน, หลักฐานค่าใช้จ่าย

  3. คณะกรรมการพิจารณาและมีคำสั่งจ่ายเงินภายใน 90 วัน

2️⃣ การคุ้มครองผู้เสียหายทางแพ่ง

📘 อ้างอิงจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

🔹 สิทธิในการเยียวยา

  1. สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายโดยตรงจากผู้กระทำละเมิด

    • เรียกชดใช้ทั้งทรัพย์สิน ชื่อเสียง และความเสียหายทางใจ

    • หากผู้กระทำผิดไม่ชำระ สามารถดำเนินการบังคับคดีได้

  2. สิทธิฟ้องหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชนที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค

    • ยื่นคำร้องผ่าน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

    • ผู้บริโภคมีสิทธิขอให้ฟ้องแทน หรือรวมกลุ่มฟ้องเป็น “คดีผู้บริโภค”

  3. สิทธิได้รับความช่วยเหลือด้านกฎหมายฟรี

    • สามารถยื่นขอทนายความจากสำนักงานกองทุนยุติธรรม

    • หรือขอรับคำปรึกษาฟรีผ่านระบบ “ทนายอาสา”

3️⃣ การคุ้มครองผู้เสียหายทางปกครอง

📗 อ้างอิงจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

🔹 สิทธิในการได้รับการเยียวยาจากรัฐ

  1. สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานของรัฐ

    • หากเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือละเลยต่อหน้าที่จนทำให้ประชาชนเสียหาย

  2. สิทธิให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้รัฐเพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    • เพื่อคืนสิทธิหรือสถานะเดิมของผู้เสียหาย

  3. สิทธิร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน / คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

    • เพื่อให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิของเจ้าหน้าที่รัฐ

    • ไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่ต้องมีทนายก็สามารถยื่นได้

4️⃣ การเยียวยาด้านจิตใจและสังคม (Holistic Victim Support)

นอกจากสิทธิตามกฎหมาย ผู้เสียหายยังมีสิทธิได้รับ การเยียวยาด้านจิตใจและสังคม
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความยุติธรรมเชิงฟื้นฟู (Restorative Justice)

🧩 รูปแบบการเยียวยา

  • การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา โดยนักจิตวิทยาหรือเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม

  • โครงการฟื้นฟูผู้เสียหาย (Victim Rehabilitation) เช่น ฝึกอาชีพ / ให้เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน

  • การประสานงานกับองค์กรสิทธิ / NGO เพื่อให้ได้รับการดูแลต่อเนื่อง

  • การเยียวยาทางสังคม เช่น การคืนชื่อเสียงในกรณีถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม

📌 สรุปเปรียบเทียบสิทธิการคุ้มครองและเยียวยา

ประเภทผู้เสียหาย สิทธิในการคุ้มครอง สิทธิในการเยียวยา อาญา คุ้มครองพยาน / ปกปิดข้อมูล / พิจารณาคดีโดยปิดลับ ขอค่าชดเชยจากรัฐ / ค่ารักษา / ค่าทำศพ / ค่าปลอบขวัญ แพ่ง สิทธิขอศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว / ปิดเผยข้อมูลจำกัด ฟ้องเรียกค่าเสียหาย / ฟ้องคดีผู้บริโภค / ขอทนายอาสา ปกครอง ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ / ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟ้องเพิกถอนคำสั่ง / เรียกค่าเสียหายจากรัฐ สังคม/จิตใจ การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว / ไม่เปิดเผยตัวตน การให้คำปรึกษา / ฟื้นฟูอาชีพ / ช่วยเหลือด้านจิตใจ

🧭 บทสรุปจากนิติ

“ความยุติธรรมไม่จบแค่การลงโทษผู้กระทำผิด แต่รวมถึงการเยียวยาผู้เสียหายให้กลับมามีชีวิตที่มั่นคงอีกครั้ง”
ทุกคนมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง ความปลอดภัย และความช่วยเหลือจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

คำแนะนำจากนิติ ผู้ช่วยทนายภูวงษ์:
หากท่านหรือคนใกล้ชิดเป็นผู้เสียหาย และต้องการยื่นขอค่าชดเชยจากรัฐหรือขอคุ้มครองพยาน
สามารถติดต่อทีมทนายความเครือข่ายทั่วประเทศของเราเพื่อช่วยดำเนินเรื่องให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า

📞 คอลเซ็นเตอร์ 099-464-4445
📞 ทนายใกล้ศาล 089-227-1177
📞 ทนายใกล้คุณ 089-226-8899
📞 ทนายสายตรง 081-803-4097
💬 Line: @lawyerintown
✉️ contact@thailandlawyer.info

สิทธิของผู้เสียหายในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

⚖️ ส่วนที่ 5 : สิทธิของผู้เสียหายในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

“กระบวนการยุติธรรม” ไม่ได้มีไว้เฉพาะสำหรับผู้ต้องหา แต่ยังเป็นสิทธิของ ผู้เสียหาย ทุกคนในการเข้าถึง
เพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง เยียวยา และการดำเนินคดีที่เป็นธรรมตามหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน

1️⃣ ความหมายของสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

สิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม หมายถึง

“สิทธิของบุคคลในการใช้ช่องทางทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง เมื่อถูกละเมิด ถูกกระทำผิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม”

โดยรัฐมีหน้าที่ จัดให้มีกระบวนการยุติธรรมที่เท่าเทียม โปร่งใส และเข้าถึงได้โดยไม่เลือกปฏิบัติ

📘 อ้างอิง: รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 25 และ 28

2️⃣ สิทธิของผู้เสียหายในขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการยุติธรรม

🔹 ขั้นตอนที่ 1 : สิทธิในการ “แจ้งความและร้องทุกข์”

📕 อ้างอิง: ป.วิ.อาญา มาตรา 2(4) และ 120

ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ หรือที่พักอาศัย

  • ขอรับ “ใบรับแจ้งความ (ปจว.)” เพื่อใช้เป็นหลักฐานทางคดี

  • ขอทราบ “เลขคดีอาญา” เพื่อใช้ติดตามความคืบหน้า

  • ขอคัดสำเนาบันทึกคำให้การของตน

📌 หมายเหตุ: การปฏิเสธไม่รับแจ้งความโดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้เสียหาย ผู้เสียหายสามารถร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาหรือศูนย์ดำรงธรรมได้ทันที

🔹 ขั้นตอนที่ 2 : สิทธิในชั้นสอบสวน

📕 อ้างอิง: ป.วิ.อาญา มาตรา 131–134

ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • นำพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวน

  • ขอให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานเพิ่มเติม

  • ขอรับสำเนาสำนวนสอบสวนเมื่อคดีสิ้นสุด

  • ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติต่อด้วยความสุภาพและไม่ละเมิดศักดิ์ศรี

หากพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ฟ้องต่ออัยการสูงสุด

  • หรือยื่นฟ้องเองต่อศาลได้โดยตรงในบางคดี (เช่น หมิ่นประมาท, ฉ้อโกง, ทำร้ายร่างกาย)

🔹 ขั้นตอนที่ 3 : สิทธิในชั้นอัยการ

📗 อ้างอิง: พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553

ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • ขอทราบเหตุผลกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง

  • ขอเข้าพบอัยการเพื่อให้ถ้อยคำเพิ่มเติมหรือยื่นพยานหลักฐานใหม่

  • ขอให้ตรวจสอบการสั่งคดีโดยคณะกรรมการอัยการสูงสุด

🔹 ขั้นตอนที่ 4 : สิทธิในชั้นศาล

📘 อ้างอิง: ป.วิ.อาญา มาตรา 30 และ 33, ป.วิ.แพ่ง มาตรา 55

ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเอง (ในกรณีเป็นคดีอาญาอันยอมความได้ หรือคดีแพ่งทั่วไป)

  • ขอเข้าร่วมเป็น “โจทก์ร่วมกับอัยการ”

  • ขอให้ศาลพิจารณาคดีโดยปิดลับ (หากเป็นคดีทางเพศหรือคดีที่กระทบชื่อเสียง)

  • ขอให้ศาลออกคำสั่ง “คุ้มครองชั่วคราว” เช่น ห้ามคู่กรณีข่มขู่ คุกคาม หรือทำลายหลักฐาน

🔹 ขั้นตอนที่ 5 : สิทธิในการอุทธรณ์และฎีกา

📕 อ้างอิง: ป.วิ.อาญา มาตรา 195 และ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 225

ผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ร่วมมีสิทธิ

  • ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาที่เห็นว่าไม่เป็นธรรม

  • ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา (ในคดีสำคัญ)

🔹 ขั้นตอนที่ 6 : สิทธิในการขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายฟรี

📗 อ้างอิง: พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ.สภาทนายความ พ.ศ. 2528

ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • ยื่นขอความช่วยเหลือจาก กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
    เพื่อรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เช่น ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล

  • ขอ “ทนายอาสา” ผ่าน สภาทนายความแห่งประเทศไทย

  • ขอคำปรึกษาฟรีผ่านระบบ “ทนายอาสาออนไลน์” ของเครือข่ายผู้เสียหาย.com

3️⃣ สิทธิในการตรวจสอบความคืบหน้าและความโปร่งใส

ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • ตรวจสอบสถานะของคดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ, อัยการ, ศาล

  • ขอข้อมูลคดีโดยอาศัยสิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540

  • ขอให้หน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่

  • ขอรับหนังสือรับรองผลคดีหรือสำเนาคำพิพากษา

📌 ตัวอย่าง:
กรณีตำรวจไม่รับแจ้งความ → ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม / ผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัด
กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องโดยไม่แจ้งเหตุผล → ขออุทธรณ์ต่ออัยการสูงสุด

4️⃣ สิทธิในการมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม (Victim Participation)

ตามหลักสากล (UN Declaration of Basic Principles of Justice for Victims of Crime, 1985)
ผู้เสียหายมีสิทธิ

  • เข้าร่วมในการพิจารณาคดีในฐานะผู้เสียหาย

  • ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินคดี

  • ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ ความเป็นส่วนตัว และศักดิ์ศรี

  • ได้รับการช่วยเหลือทางจิตใจและการเงินอย่างเหมาะสม

📊 แผนภาพสรุป “เส้นทางสิทธิของผู้เสียหาย”

เกิดเหตุความเสียหาย ↓ แจ้งความ / ยื่นคำร้อง ↓ สอบสวน → อัยการ → ศาล ↓ ขอชดเชย / อุทธรณ์ / เยียวยา ↓ ปิดคดี + การฟื้นฟูผู้เสียหาย

📌 คำเตือนสำคัญ

หากผู้เสียหายไม่ดำเนินการตามกำหนดเวลา เช่น

  • ไม่ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน (คดีอาญาอันยอมความได้)

  • ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน หลังศาลพิพากษา
    สิทธิในการดำเนินคดีอาจสิ้นสุดลงตามกฎหมาย

🧭 บทสรุปจากนิติ

“สิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรม” คือหัวใจของระบบกฎหมายที่เท่าเทียม
ผู้เสียหายทุกคนควรได้รับโอกาสในการต่อสู้และได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม โดยไม่ถูกจำกัดด้วยเงิน สถานะ หรืออำนาจ

คำแนะนำจากนิติ ผู้ช่วยทนายภูวงษ์:
หากท่านต้องการตรวจสอบสิทธิของตนในกระบวนการยุติธรรม เช่น การขอคัดสำนวน การฟ้องร้อง การอุทธรณ์ หรือการขอทนายฟรี
สามารถแจ้งเรื่องผ่านเว็บไซต์ ผู้เสียหาย.com ได้ทุกเวลา — ทีมทนายในเครือข่ายจะตรวจสอบและติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมงครับ

📞 คอลเซ็นเตอร์ 099-464-4445
📞 ทนายใกล้ศาล 089-227-1177
📞 ทนายใกล้คุณ 089-226-8899
📞 ทนายสายตรง 081-803-4097
💬 Line: @lawyerintown
✉️ contact@thailandlawyer.info

ช่องทางร้องเรียนและขอความช่วยเหลือของผู้เสียหาย

📞 ส่วนที่ 6 : ช่องทางร้องเรียนและขอความช่วยเหลือของผู้เสียหาย

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เสียหายทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง —
คุณมีสิทธิร้องเรียนและขอความช่วยเหลือได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์ ผู้เสียหาย.com (VictimsHub.com) จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมช่องทางติดต่อของหน่วยงานรัฐและเครือข่ายทนายความทั่วประเทศ

🧭 1️⃣ ช่องทางร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ผู้เสียหาย.com

แบบฟอร์มร้องเรียนออนไลน์ (Online Complaint Form)

ผู้เสียหายสามารถกรอกแบบฟอร์มได้ที่หน้า “แจ้งเรื่อง” เพื่อให้ทีมทนายความตรวจสอบเบื้องต้นภายใน 24 ชั่วโมง

📋 ฟิลด์ตัวอย่างในฟอร์ม

  1. ประเภทคดีที่ต้องการแจ้ง:

    • คดีฉ้อโกง / ทำร้ายร่างกาย / คดีหมิ่นประมาท / คดีครอบครัว / คดีแรงงาน / คดีปกครอง / อื่น ๆ

  2. ชื่อ–นามสกุลผู้แจ้ง

  3. เบอร์โทรศัพท์ / ไลน์ไอดี / อีเมล

  4. จังหวัด–อำเภอที่เกิดเหตุ

  5. รายละเอียดเหตุการณ์โดยสรุป

  6. หลักฐานประกอบ (แนบไฟล์ได้ เช่น รูป, สลิป, บันทึกแชต)

  7. ระดับความเร่งด่วน: ปกติ / เร่งด่วน / ฉุกเฉิน

  8. ยินยอมให้ทีมงานติดต่อกลับเพื่อช่วยเหลือ

📩 หลังส่งฟอร์ม — ผู้เสียหายจะได้รับข้อความตอบกลับอัตโนมัติพร้อมรหัสติดตามคดี (Case ID)

🛡️ 2️⃣ ช่องทางร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ

🔹 กระทรวงยุติธรรม

  • ศูนย์ยุติธรรมจังหวัด (ศยจ.) — ให้คำปรึกษากฎหมายฟรี และช่วยเหลือผู้เสียหายในคดีอาญา
    ☎️ โทร. 1111 กด 77
    🌐 เว็บไซต์: www.moj.go.th

  • กองทุนยุติธรรม — ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี เช่น ค่าทนาย ค่าธรรมเนียมศาล
    ☎️ โทร. 1111 กด 77
    🌐 เว็บไซต์: www.justicefund.go.th

  • สำนักงานคุ้มครองพยาน กระทรวงยุติธรรม
    ☎️ โทร. 02-141-2821
    🌐 www.dpo.go.th

🔹 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

  • สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ — รับแจ้งความและสืบสวนคดีอาญา
    ☎️ โทร. 191 (กรณีฉุกเฉิน)
    🌐 www.royalthaipolice.go.th

  • ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนตำรวจไม่รับแจ้งความ
    ☎️ โทร. 1599 ต่อ 3 หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด

🔹 สำนักงานอัยการสูงสุด

  • สายด่วนอัยการเพื่อประชาชน ☎️ โทร. 1157

  • ให้คำปรึกษาคดีอาญาและคดีแพ่ง

  • ตรวจสอบคำสั่งไม่ฟ้อง / ยื่นคำร้องตรวจสอบคดี

🔹 สำนักงานศาลยุติธรรม

  • ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย
    ☎️ โทร. 02-612-4040
    🌐 www.coj.go.th

    • ให้คำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับการฟ้องคดี, การขอทนายอาสา, การขอคุ้มครองชั่วคราว

🔹 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

  • สำหรับผู้เสียหายจากการซื้อสินค้า/บริการ/ออนไลน์
    ☎️ สายด่วน 1166
    🌐 www.ocpb.go.th

🔹 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

  • สำหรับร้องเรียนการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ
    ☎️ โทร. 1676
    🌐 www.ombudsman.go.th

🔹 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

  • ร้องเรียนกรณีถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
    ☎️ โทร. 1377
    🌐 www.nhrc.or.th

🔹 กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

  • สายด่วน พม. 1300 — ช่วยเหลือผู้เสียหายจากความรุนแรงในครอบครัว / การค้ามนุษย์ / เด็ก / ผู้หญิง / ผู้สูงอายุ

⚖️ 3️⃣ ช่องทางช่วยเหลือจากเครือข่ายทนายความทั่วประเทศ

เว็บไซต์ ผู้เสียหาย.com ร่วมมือกับ
“เครือข่ายทนายความโดยทนายภูวงษ์ โพธิ์ไทร”
เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายทุกจังหวัดทั่วประเทศ

📞 ช่องทางติดต่อหลักของเครือข่าย

  • คอลเซ็นเตอร์ส่วนกลาง: 099-464-4445

  • ทนายใกล้ศาล: 089-227-1177

  • ทนายใกล้คุณ: 089-226-8899

  • ทนายสายตรง: 081-803-4097

  • Line Official: @lawyerintown

  • Email: contact@thailandlawyer.info

📍 บริการที่มีให้

  • ให้คำปรึกษากฎหมายฟรี

  • ตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้น

  • แนะนำทนายในพื้นที่

  • ช่วยร่างคำร้อง / คำฟ้อง / หนังสือบอกกล่าว

  • ประสานงานคดีเร่งด่วนทั่วประเทศ

🧾 4️⃣ ตัวอย่างข้อความอัตโนมัติ (สำหรับระบบตอบกลับหน้าเว็บ)

✅ ขอบคุณที่แจ้งเรื่องผ่านระบบผู้เสียหาย.com
ทีมทนายความจะตรวจสอบข้อมูลของคุณและติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง
หากเป็นกรณีฉุกเฉิน โปรดโทร 099-464-4445 หรือ Line @lawyerintown เพื่อรับการช่วยเหลือทันที

📊 5️⃣ แผนภาพสรุปช่องทางร้องเรียน

ผู้เสียหาย → เว็บไซต์ผู้เสียหาย.com ↓ ตรวจสอบข้อมูลโดยทีมทนาย ↓ ประสานงานหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ↓ ให้คำปรึกษา + ส่งต่อคดีให้ทนายในพื้นที่ ↓ ติดตามผล + เยียวยา + ปิดคดี

🧭 บทสรุปจากนิติ

“การเข้าถึงความช่วยเหลือไม่ควรขึ้นอยู่กับฐานะหรือที่อยู่ของผู้เสียหาย”
เว็บไซต์ผู้เสียหาย.com จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น ศูนย์กลางความยุติธรรมออนไลน์ ที่เชื่อมโยงผู้เสียหายกับทนายความและหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ

คำแนะนำจากนิติ ผู้ช่วยทนายภูวงษ์:
หากท่านไม่มั่นใจว่าควรร้องเรียนที่หน่วยงานใด สามารถแจ้งเรื่องผ่านฟอร์มออนไลน์ของผู้เสียหาย.com ได้ทันที
นิติและทีมทนายจะช่วยตรวจสอบ ประสานงาน และส่งต่อเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

📞 คอลเซ็นเตอร์ 099-464-4445
📞 ทนายใกล้ศาล 089-227-1177
📞 ทนายใกล้คุณ 089-226-8899
📞 ทนายสายตรง 081-803-4097
💬 Line: @lawyerintown
✉️ contact@thailandlawyer.info

A powerful image representing victims seeking justice.
A powerful image representing victims seeking justice.

แกลเลอรี

รวมภาพผู้เสียหายและทีมทนาย

An inspiring image of a courtroom filled with hope.
An inspiring image of a courtroom filled with hope.
A heartfelt image of a support group for victims.
A heartfelt image of a support group for victims.

คำถามที่พบบ่อย

ผู้เสียหายต้องทำอย่างไร

ติดต่อเราผ่านเว็บไซต์เพื่อขอคำปรึกษา

เราจะช่วยอย่างไร

เราจัดหาทีมทนายความเพื่อให้ความช่วยเหลือ

คดีสามารถฟ้องร้องได้หรือไม่

หากคุณมีหลักฐานสามารถฟ้องร้องเพื่อความยุติธรรม

ค่าธรรมเนียมการบริการคืออะไร

ไม่มีค่าธรรมเนียมในการขอคำปรึกษา

บริการนี้ฟรีหรือไม่

บริการของเราฟรีในการให้คำปรึกษาสำหรับผู้เสียหาย

ติดต่อได้ที่ไหน

สามารถติดต่อเราผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เลย